“ทุกวันนี้คนเราเต็มไปด้วยความทุกข์ ถึงแม้จะปลดทุกข์ไปแล้วตอนเช้าก็ตาม”
“ถ้างั้นกูยังไม่ได้ขี้ตอนเช้า กูก็ต้องมีความทุกข์ตอนนี้สิวะ” ผมสวนแกมหยอกขึ้นมาทันควัน
“…”
“เออ…แล้วน้องคนนั้นเป็นไงบ้างวะ” ผมเปิดบทสนทนาใหม่
“คนไหนวะ”
“ก็คนที่มึงพามาให้กูรู้จักล่าสุดไง”
“ออ..เลิกไปแล้ววะ” บทสนทนาได้นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“มึงคงไม่เสียใจสินะ” ผมเดาจากสีหน้าของเพื่อน
ถึงแม้ภุชงค์จะเป็นคนที่น่าคบหา อยู่ด้วยแล้วมีความสุข แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจ ภุชงค์ไม่เคยคบกับใครได้นานเกินสองปี ทั้งที่ความสุขของภุชงค์นั้นเอ่อล้นพร้อมที่จะถ่ายเทให้กับคนรอบข้าง
“ถ้าใครที่อยู่กับเราแล้วไม่มีความสุข ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะไป”
ภุชงค์พูดด้วยน้ำเสียงวางเฉยไร้ความรู้สึกถึงแฟนเก่า แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความผ่อนคลาย ก่อนเอามือทั้งสองประสานท้ายทอย เอนหลังพิงพนักพิงม้านั่งริมขอบสระ
“อืม…ก็จริงของมึงนะ” ผมผงกหัวเบา ๆ พรางนึกถึงแฟนเก่าตัวเอง
“แต่มึงก็ทำให้เขามีความสุขได้ไม่ใช่หรอ กูสัมผัสได้เวลามึงอยู่ด้วยกัน” ผมพูดสวนขึ้นมา เลิกคิ้วด้านขวา เอียงคอเล็กน้อยหันหน้ามามองไปที่ภุชงค์
“สงสัยมาตรฐานความสุขของเขากับของกูมันต่างกันไปมั้ง ความสัมพันธ์เลยต้องจบแค่นี้” ภุชงค์ขยับปากพูดขณะยังคงเอกเขนกเอนกายในท่าเดิม และไม่หันมามองผม สายตาเขามองไปที่เด็ก ๆ ที่กำลังสนุกสนานอยู่ในสระว่ายน้ำ
“เด็ก ๆ แม่งดูมีความสุขดีเนอะ” และเขาก็โบกมือทักทายเด็กเหล่านั้น
การใช้ชีวิตที่แตกต่างทำให้รูปแบบความสุขนั้นต่างไปด้วย ภุชงค์สามารถสร้างความสุขจากสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิต ยิ้มและหัวเราะให้กับเรื่องที่เปิ่น ๆ แทนที่จะรู้สึกขายหน้าหรือเสียฟอร์ม เขาฝักใฝ่ในชีวิตที่เรียบง่าย และมักมองหาประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่ มากกว่าการแสวงหาสิ่งที่ไกลเกินตัว