ดีท็อกซ์ชีวิต – ด้วยการเดินทาง

IMG_0989

ยุคนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องข้อมูลและข่าวสารที่ล้นทะลักจนลูกกะตาแทบถลนปลิ้นออกจากเบ้า การรูดๆ ปัดๆ กลายเป็นพฤติกรรมโดยไม่รู้ตัว ถามว่าแล้วได้อะไรบ้างมั้ย ก็ได้ ‘รูด’ และได้ ‘ปัด’ ไง แล้วรู้อะไรเพิ่มขึ้นมั้ย ก็รู้นะ รู้ว่าชีวิตคนอื่นเขาเป็นยังไงบ้าง

มีงานวิจัยบอกว่า การรับข้อมูลในปริมาณมากต่อวันไม่ช่วยให้เราฉลาดขึ้น เทคโนโลยีทำให้ทักษะการจดจำเริ่มถดถอย เราจะจำอะไรไม่ค่อยได้ เบอร์โทรศัพท์ ตารางนัดหมาย วันสำคัญ ลิสสิ่งที่ต้องทำ แม้กระทั่งความรู้บางอย่างบวกลบง่อยๆ ในระดับป.4  ไม่มีความจำเป็นต้องมีทักษะใดมากไปกว่าทักษะการค้นหาและคิดคำคีย์เวิร์ด เมื่อเราอยากรู้อะไร ก็กดถามกูเกิลไปดิ หรือถ้าอยากทำกับข้าว ซ่อมแซมบ้าน ก็เพียงป้อนคำค้นหาลงในยูทูป และบ่อยครั้งพบว่ามันเป็นคำถามเดิมที่เคยถามไปแล้ว

เราควรโทษโลกาภิวัตน์ที่ปรนเปรอความสะดวกสะบายหรือโทษพฤติกรรมตัวเองดี เรากลายเป็นคนหยิบโหย่ง ทำอะไรได้ไม่นาน ใจร้อน วอกแวก ขาดสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำโดยไม่รู้ตัว  “เดี๋ยวนี้โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน เราต้องตามให้ทัน” ผมไม่รู้ว่าประโยคนี้ได้จากองค์กรนาซ่าหรือวิศวกรจากเอมไอที แต่ตอนนี้ผมแค่รู้สึกอยากหลุดจากวงโคจรของโลกที่เป็นอยู่ไปชั่วขณะ ผมลบเฟสบุ๊ก อินสตราแกรม ทวิตเตอร์จากมือถือ และออกเดินทางเพื่อดีท็อกตัวเอง เชื่อมต่อกับตัวเอง อยู่กับตัวเอง ให้ประสาทสัมผัสทั้งหกได้ทำงานอย่างเต็มที่

น่าน-สะปัน_wp_09

เราต่างให้นิยาม ‘ความสุข’ ไม่เหมือนกัน แต่สำหรับผม ณ ตอนนี้ ความสุขคือ ‘การได้ใช้ชีวิต’ ค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้าด้วยความระลึกรู้ กำลังไปทางไหน เพื่ออะไร ไม่ละสายตาจากเป้าหมาย แต่ก็ไม่ลืมดอมดมมวลหมู่ไม้ เอาเท้าจุ่มน้ำ ชื่มชมส่วนเว้าโค้ง ภิรมย์กับความงามของสรรพสิ่ง ประคับประคองความผ่อนคลายตลอดเส้นทาง แม้จะทำได้ไม่ตลอดก็ตาม

น่าน-สะปัน_wp_01

แปดโมงเช้าของวันศุกร์ ผมนั่งมองรถที่วิ่งไปวิ่งมาในร้านกาแฟที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวบางปะอิน ผมใช้เวลาตัดสินใจในทริปนี้เพียงสองวัน หลังจากที่หยุดเชื่อมต่อโซเชียลมีเดียมาแล้ว 5 วัน และผมจะทำต่อไปจนจบทริปการเดินทางนี้  “ความเชื่อหรือความคิดใดที่ไม่สามารถยืดหยุ่นได้ มีผลต่อความสงบในใจเรา” ผมจึงเลือกเดินทางด้วยการไม่วางแผน แต่ผมมีปลายทางอยู่ที่ หมู่บ้านสะปัน อ.บ่อเกลือ จ.น่าน

น่าน-สะปัน_wp_02

เพราะเป็นการเดินทางคนเดียว ผมจึงไปแบบไม่รีบเร่ง วันนี้ดวงอาทิตย์ตื่นสาย แอ๊ะ..หรือว่ามันตื่นนานแล้วเพียงแต่โดนบดบังจากก้อนเมฆ ผมมีความสุขทุกครั้งที่เกิดลมปะทะกับร่างกาย และมันก็ลามไปยังจิตใจ ถามว่าการเดินทางนั่นสิ้นเปลืองไหม ไหนจะที่พัก ค่าน้ำมัน ค่ากิน อยู่บ้านประหยัดกว่าเยอะ อืม..ก็จริงนะ แต่ถ้าเรียกว่า จ่ายเงินซื้อประสบการณ์ล่ะ (โคตรเข้าข้างตัวเอง) มันอาจไม่ฟุ่มเฟือย แต่มันคือเงินที่จ่ายไปกับความทรงจำ เป็นส่ิงที่อยู่กับเราไปได้นานกว่าสิ่งของหรืออาหารแพงๆ

IMG_0877

ผมใช้เส้นทางสายเอเซียจากอยุธยามาจนถึงนครสวรรค์ แล้วหักเข้าทาง อ.ชุมแสง อ.ทับคล้อ อ.สากเหล็ก อ.วังทอง ดูเหมือนว่าดวงอาทิตย์จะเริ่มตอกบัตรกลับบ้านเร็ว ผมต้องเริ่มมองหาที่ซุกหัวนอนได้แล้ว วันนี้อากาศไม่ร้อน แดดไม่มี ผมเอ้อระเหยมากไปหน่อย เลยมาค่ำแถวพิษณุโลก และตั้งใจว่าจะไปกางเต็นท์นอนที่ ‘อุทยานแห่งชาติแก่งเจ็ดแคว’ แต่เส้นทางมันทั้งมืดและคดเคี้ยว กอปรกับวันนี้เริ่มอ่อนล้าแล้วกับการบิดมา 470 กิโลเมตร สุดท้ายผมได้ซุกหัวนอนที่ ‘แก่งซอง’ จ.พิษณุโลก เป็นส่วนหนึ่งของลำน้ำเข็ก รายล้อมไปด้วยแคร่ที่ยื่นเข้าไปในน้ำ ห่วงยาง เสื้อชูชีพ ร่มแม่ค้า

น่าน-สะปัน_wp_05

ทำไมไม่เปิดห้องให้มันเป็นเรื่องเป็นราว นั่นสิ! ผมตั้งใจว่าทริปนี้ผมต้องการประหยัดการเดินทาง และจะใช้ชีวิตให้เรียบง่าย เรื่องน้อยที่สุด นอนไหนก็นอน ถ้าไม่ไหวการเปิดห้องเป็นทางเลือกสุดท้าย ห้องนอนที่บ้านก็มีแอร์ มีเตียงนุ่มๆ ผ้านวมอุ่นๆ วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศคงเข้าที ว่าแล้วผมก็แก้ผ้าจุ่มตัวแช่น้ำตรงนั้น ระหว่างแช่อยู่นั้นก็นึกถึงหนังอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกคือ ‘คู่กรรม’ นึกถึงฉากวิถีชีวิตที่ผู้คนที่เค้าอาบน้ำริมคลอง มันได้ฟิวล์อย่างนี้นิเอง ส่วนเรื่องที่สองคือ ‘ไกรทอง’ ผมไม่น่าคิดถึงเรื่องนี้เลอะ

เต็นท์ไม่ต้องกางเพราะไม่ค่อยมียุง แต่พอตกกลางคืนตัวอะไรไม่รู้มากัดคล้ายจะเป็นยุงแต่ไม่ใช่ สุดท้ายกว่าจะได้นอนเกือบเที่ยงคืน ทั้งที่เข้านอนสองทุ่มกว่า ครั้งแรกที่ผมได้ใกล้ชิดธรรมชาติขนาดนี้ นอนในที่แบบนี้ มีแค่ร่มแม่ค้าคอยกันลมฝน ผมขึงเชือกด้านข้างกันกลิ้งตกน้ำ ผูกปลายผ้าห่มทั้งสองด้านที่ปลายเท้าไว้กับเสา เพราะตกดึกผมอาจจะเขี่ยๆ มันลงไปจุ่มน้ำโดยไม่รู้ตัว ช่องว่างด้านบนของร่มแม่ค้าทำที่ตากผ้าเช็ดตัว และกันน้ำค้างไปในตัว แผ่นรองนอนเป่าลมจนป่องและฟีบลงไปแล้ว เพราะโดนตะปูทิ่มจากด้านล่าง ผมต้องพยายามทำตัวล่องหนเข้าไว้เพื่อไม่เป็นเป้าสายตา

Photo 8-11-2562 BE 15 37 41

ก่อนท้องฟ้าจะสดใส ก่อนความอบอุ่นของไอแดด ก่อนดอกไม้จะผลิบาน น้ำใสๆ ก็รินใส่ตา ชิบหาย!..ฝนตก ผมยังนอนไม่เต็มอิ่มต้องรีบย้ายข้าวของมาอีกแคร่หนึ่งที่บังฝนได้ดีกว่า ยังไม่ 6 โมงเช้า แต่การย้ายของทำให้ตาสว่างก็เลยตื่นเลย

‘Defragment’ คือการจัดเรียงข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ ถ้าเปรียบสมองเป็นฮาร์ดดิสก์ มันควรได้รับการจัดเรียงบ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะข้อมูลที่เป็นความคิด การทำอะไรตามลำพังไม่ใช่เรื่องความเหงา ความเศร้า ความว้าเหว่ หรือไม่อยากยุ่งกับใคร แต่มันคือการ ‘Defragment’ ให้ตัวเองด้วยความสงบ วางเฉย ไม่ขัดขืน และรื่นรมย์กับสิ่งรอบตัว ถ้าเธออยากดูแลใครได้ เธอต้องหมั่นดูแลตัวเองด้วยเหมือนกันโดยเฉพาะจิตใจ.!!

น่าน-สะปัน_wp_06

ผมนั่งเฉยๆ โดยไม่ทำอะไร ไม่ได้คิดอะไร มองแสงแรกของวันที่สะท้อนพื้นน้ำสีอร่ามอมส้ม เฮ้ย..เป็นความธรรมดาที่แสนจะสุขใจ นั่งฟังเสียงน้ำกระทบหิน ดูการม้วนตัวของมันก่อนไหลไปทางอื่น นกน้อยเริ่มร้องเพลง อากาศกำลังสบาย ครัวซองหยิบขึ้นมาใส่ปากลองท้องแก้หิว ล้างหน้าแปรงฟันด้วยน้ำดื่ม และก็เตรียมเคลื่อนทัพก่อนที่คนอย่างฉันจะหมดไฟ ผมหันไปขอบคุณสถานที่แห่งนี้ที่ให้ผมได้นอนโดยไม่เกิดอันตราย ทุกครั้งที่ผมนอนในต่างถิ่น ผมจะยกมือไหว้ขออนุญาตสิ่งที่มองไม่เห็นก่อนเสมอ

น่าน-สะปัน_wp_11

มุ่งหน้าขึ้นจังหวัดน่าน คืนนี้ถ้าไหวก็อาจซัดยาวถึงปลายทาง แต่ถ้าไม่ไหวค่อยว่ากันอีกที่ บางทีสองข้างทางอาจเป็นเป้าหมาย และปลายทางก็คือโบนัส ไม่มีความคาดหวังใดๆ ยืดหยุ่นได้ทุกสถานการณ์ ถ้าเราใช้ชีวิตจริงให้ได้แบบนี้คงเป็นชีวิตที่ดีสินะ รื่มรมย์กับสิ่งที่กำลังทำจนมองไม่ออกว่ามันคืองาน คือภาระหน้าที่ ทุกวันนี้ที่ต้องเหนื่อยหน่ายเพราะเราต้องแยก ‘ชีวิต’ ที่เราเป็นออกจาก ‘งาน’ ที่เราทำ วงเล็บเปิด..ในกรณีที่เราไม่ได้ชอบงานนั้นจริง..วงเล็บปิด

ผมขี่เข้าตัวเมืองแพร่แวะร้านกาแฟประจำที่ผมชอบในรสชาติ และความหอมของเมล็ดกาแฟ Balance Cup Espresso & Slow Bar ผมนั่งใช้ชีวิตที่สโลไลฟ์ในสโลบาร์นานพอสมควร จดบันทึก อ่านหนังสือ จนถึงจุดที่รู้สึกว่า เอ่อ..ไปต่อกันได้แล้วเนอะ

น่าน-สะปัน_wp_12

ผมเริ่มเชื่อมต่อกับโลกใบใหม่ทั้งที่มันก็เป็นใบเก่านั่นแหละ ประสาทสัมผัสถูกเปิดออกอีกครั้ง  เดวิด ธอโร่ เคยกล่าวไว้ว่า “ชีวิตเราสิ้นเปลืองไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องหลายอย่าง จงเรียบง่าย เรียบง่าย และเรียบง่ายเข้าไว้” เราหมดเวลาไปกับอะไรบ้างนะในชีวิต เราทำราวกับว่าชีวิตเราเป็นอมตะ ผมเข้าใกล้ธรรมชาติมากขึ้น ธรรมชาติคล้ายเป็นสวิชต์ที่เปิดปิดระหว่างความคิดกับหัวใจ เราใช้ความคิดจนเหนื่อยล้า หนังสือเขียนไว้ว่า “เมื่อความมากล้นเริ่มเกาะกินจิตวิญญาณ จงกลับสู่จุดเริ่มต้นแล้วชีวิตจะเป็นอิสระ” 

น่าน-สะปัน_wp_10

สวัสดีวัยรุ่น ผมไม่แน่ใจว่าการมองหน้าแบบนั่นหมายความว่าอะไร มึงเป็นใคร มาทำอะไร หรือจะไฝว้ ผมแค่ผ่านมาทักทาย และเดี๋ยวก็จะไปแล้ว อย่าได้เกรี่ยวกราดบึ่งตึงแบบนั้นสิ ใจคอไม่ค่อยดี

น่าน-สะปัน_wp_14

คืนนี้ผมเข้าพักที่น่าน เป็นเกสเฮ้าราคา 350 บาท ห้องพัดลม ห้องน้ำรวม สายน้ำชโลมตัวรินไหลจากฝักบัว วันนี้แดดแรงกว่าวันก่อน ผมขี่มาร้อยกว่าโลแอบรู้สึกเพลียไม่น้อยไปกว่าเมื่อวานที่ล่อเข้าไปเกือบห้าร้อยโล ความสดชื่นกลับมาอีกครั้ง เราออกไปดูผู้คนที่บ้านเมืองนี้กันดีกว่า โชคดีวันนี้มีถนนคนเดิน เพราะตรงกับวันเสาร์

น่าน-สะปัน_wp_15

เมืองน่านเป็นอีกแห่งหนึ่งที่ผมหลงใหล ด้วยบรรยากาศ ผู้คน ผังเมือง รองเท้าแตะวางข้างตัว ตูดหย่อนลงบนสนามหญ้า โฟล์กซองเพื่อชีวิต กลิ้งไหลเข้ารูหู โยกหัวตามเบาๆ เพราะตัวโน๊ตที่แตกต่างจึงกลายเป็นท่วงทำนองที่ไพเราะกลมเกลียว ถ้าเล่นโน๊ตตัวเดียวกันหมดเสียงคงทึมๆ ทื่อๆ ไม่อาจเรียกเป็นเพลงได้ ชีวิตก็คงงี้แหละมั้ง ขึ้นบ้าง ลงบ้าง แต่ลงบ่อยๆ ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ ขนมจีนน้ำเงี้ยวอัดลงกระเพาะ ตามด้วยของหวานและผลไม้ ทำไมชีวิตมันดีอย่างนี้ ท้องอิ่ม เพลงเพราะ หากตีเป็นมูลค่าจับจ่ายแล้วก็ไม่ถึงร้อยบาท ผมไม่ได้จับโทรศัพท์มือถือนอกจากถ่ายรูป และรายงานทางบ้านเพื่อคลายความเป็นห่วง ทำให้สิ่งแวดล้อมดูมีอะไรมากกว่าที่เคย

น่าน-สะปัน_wp_16

“ทุกชีวิตดิ้นรนค้นหาแต่จุดหมาย ใจในร่างกายกลับไม่เจอ ทุกข์ที่เกิดซ้ำเพราะใจนำพร่ำเพ้อ หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข” โอ้โห..เพลงน้าแอ๊ดกระเด้งกระดอนตามสายลมกลอกกลิ้งไหลลงรูหู เพลงอมตะที่กี่ปีก็ยังโดน ไม่ว่าอายุเท่าไรก็ยังใช้ได้ เพราะจุดหมายแต่ละขวบวัยนั้นเปลี่ยนไปเรื่อย เรื่องเรียน เรื่องรัก เรื่องงาน เรื่องครอบครัว และเรื่องสุขภาพ แต่สุดท้าย “หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข” จบข่าวเลย! ไม่ต้องพูดเยอะ

น่าน-สะปัน_wp_18

แต่ถามว่าพร้อมมั้ย ฉันตอบเลยว่ามาก แต่ถามว่าเหม็นมั้ย ฉันตอบเลยว่ามาก..เช่นกัน ผึ่งแดดเล็กน้อยก่อนรับใช้เจ้านายต่อ วันนี้คงถึงที่หมายที่ตั้งไว้คือ บ้านสะปัน อ.บ่อเกลือ จ.น่าน เพราะระยะทาง 90 กว่าโลคงใช้เวลาไม่มาก ผมต้องการหาที่นั่งจดบันทึก อ่านหนังสือ เมื่อคืนหัวถึงหมอนก็พริ้มตาหลับ จึงได้ร้านที่ร่มรื่น ต้นไม้ใหญ่อย่าง ‘คาเฟ่สุดกองดี’

น่าน-สะปัน_wp_19

ชีวิตโคตรสโลว์ไลฟ์เริ่มต้นอีกครั้ง และสโลว์เลิฟด้วย ความรักกำลังเดินทางอย่างเนิบช้า แต่ยังไม่ถึง รอแพร็บบ.!! เข้าวันที่ 3 ของการเดินทางที่โคตรจะชิว ที่ชิวเพราะมันยืดหยุ่นและเป็นอิสระ ตั้งแต่เดินทางวันนี้เพิ่งได้อ่านหนังสือแบบเต็มๆ เพราะเมื่อคืนชาร์จเต็ม หลับสบาย

ผมตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องสั้นให้ได้สักหนึ่งเรื่องสำหรับการเดินทางครั้งนี้ การเดินทางเป็นส่วนหนึ่งของงานที่ผมทำ เก็บเล็กผสมน้อยจากสิ่งรอบตัวเพื่อไปเขียนเป็นหนังสือ (มีผลงานออกมา 3 เล่ม ลาวและนาย ฝันกลางคัน โอบกอดสายลมพร่างพรมละอองฝน) แต่กว่าจะได้แต่เรื่องแต่ละเล่มมันค่อนข้างใช้เวลา ปากแห้งกันเลยทีเดียว ทุกวันนี้เลยต้องอาศัยลิปมันเพิ่มความชุ่มชื้นให้ชีวิต

น่าน-สะปัน_wp_20

ถ้าเธอและฉันดูดดื่มพร้อมกัน หันหน้าชนกัน จ้องตากัน ความรักมันหอมยิ่งกว่าเมล็ดกาแฟอีกคุณเอ้ย..หลายคู่มานั่งจ้องตากันตรงนี้ ส่วนผมมองเลยไปถึงก้อนเมฆนู้น..

จนป่านี้งานผมก็ยังไม่เดิน ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ใดแผ้วพาน นอกจากก้อนเมฆสวยๆ ที่โฉบมาทักทายริมระเบียง ผมชอบนั่งมองก้อนเมฆ ชอบในความไร้รูปทรง มันดูแปลกตาและไม่เคยซ้ำกัน ไม่มีรูปแบบตายตัว นุ่มๆ น่าขึ้นไปนอนกอด ชีวิตไม่ต้องเข้าใจไปเสียทุกเรื่อง หลายเรื่องเข้าใจในวันนี้ แต่เมื่อเวลาเปลี่ยนสิ่งที่เคยเข้าใจกลับใช้ไม่ได้

น่าน-สะปัน_wp_24

เส้นทางจากตัวเมืองน่านไปบ่อเกลือไม่มีเราเลย มีแต่เขาเท่านั้น คดเคี้ยวเหมือนใจคน หักซ้าย หักขวา แต่ผมชอบนะ มันทำให้เส้นทางไม่น่าเบื่อ ไม่ดึงหนังตาให้ตกเหมือนโนบรา ชมนกชมไม้ ฮัมเพลง จนรู้สึกว่าควรให้รถได้พัก ให้หลังได้ยืดบ้าง ผมมาหยุดพักหัวโค้งถนนมีร้านขายน้ำเล็กๆ ‘โคตรสูง’ นักท่องเที่ยวสี่ห้าคนยืดเส้นยืดสาย เติมความชุ่มชื้นลงคอหอยก่อนเดินทางกลับกรุงเทพ

น่าน-สะปัน_wp_22

ชามะนาวไหลขึ้นต้านแรงโน้มถ่วง ผมดื่มด่ำบรรยากาศรอบตัวได้ไม่นาน อีกด้านหนึ่งเมฆกำลังจับตัวเป็นก้อนมหึมาสีเทาดำเตรียมกลั่นเป็นหยดฝน สมองเริ่มประมาลผลว่าอยู่หรือไป แต่ก็สายไปแล้ว ผมเข็นรถเข้าใต้ชายคายืนแอบอิงพิงเสาอยู่ข้างๆ แรงลมโหมกระหน่ำหนักเอาการ ถ้าผมออกไปเร็วกว่านี้ห้านาทีคงเละเป็นโจ๊กหมู

น่าน-สะปัน_wp_21

ฟ้าหลังฝนย่อมสดใส รุ้งกินน้ำเพิ่มความพิเศษให้เส้นทาง ความพิเศษของมันอยู่ที่มันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย และเกิดขึ้นเพียงครู่เดียวก็จากไป แต่จะว่าไป..ผมคงไม่อยากให้ความสัมพันธ์คนเรามีช่วงเวลาที่สั้นเช่นรุ้งกินน้ำ

น่าน-สะปัน_wp_25

ผมเป็นนักเดินทาง เป็นนักท่องเวลา ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา นั่นคือการเริ่มต้นการเดินทาง และจบด้วยการหลับตายามค่ำคืน “ชีวิตไม่มีคำว่าพร้อม มันยังคงปะติดปะต่อเรื่องราวของมันไปเรื่อยๆ” มันคล้ายเป็นการปะติดปะต่อจิ๊กซอชีวิตไปเรื่อยๆ บางชิ้นก็ไม่ค่อยสวยเท่าไร บางชิ้นก็สวยบาดใจ บางชิ้นก็กลางๆ และบางชิ้นก็ชำรุด เราทุกคนล้วนเป็นนักเดินทาง

น่าน-สะปัน_wp_27

ท่ามกลางอ้อมกอดของหุบเขา อากาศกำลังดีไม่เย็นแต่ก็ไม่ร้อน สิ่งแรกเลยคือวันนี้ผมจะนอนที่ไหนดี ที่พักราคาหลักพันขึ้น ตามสไตล์ที่เที่ยวแห่งใหม่ ผมไม่รู้ว่าอีกกี่ปีที่นี่จะเจริญงอกงามไปด้วยสิ่งปลูกสร้าง ที่พักคงโผล่ขึ้นไม่ต่างจากแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ จึงมีคำพูดหนึ่งที่ผมได้ยินประจำคือ “รีบไปก่อนที่มันจะเจริญ” ในเมื่อทุกวันนี้โลกก็แข่งกันเจริญ แล้วไยเราจึงกลัวความเจริญ

น่าน-สะปัน_wp_29

ผมขี่รถหาทำเลที่กางเต็นท์ ถามคนแถวนั้นว่ามีพื้นที่ส่วนกลางที่ยังไม่ถูกจับจองเป็นเจ้าของตรงไหนบ้าง เพราะมันเริ่มเป็นแหล่งท่องเที่ยว ทุกตรงจึงมีโฉนด มีเจ้าของ ยกเว้นพื้นที่วัดและพื้นที่ในลำน้ำ ถ้าใครอยากกางเต็นท์แบบฟรี มีห้องน้ำห้องท่าให้ใช้ ต้องขึ้นไปที่ลานหน้าวัดสะปันบนเนินเขา จะเห็นวิวทุ่งนาสีอร่ามยามเช้าและยามเย็น แต่ผมอยากฟังเสียงน้ำจึงลงมาข้างล่าง

น่าน-สะปัน_wp_26

ที่พักที่บ้านสะปันมีให้เลือกมากมาย ทั้งบนเขาที่เห็นความเว้งว้าง และด้านล่างฟังเสียงลำธาร ผมยืนอยู่บนสะพานมองเห็นเกาะแก่งกลางล้ำน้าว้า ซึ่งเป็นน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาหลวงพระบาง บ้านสะปันเป็นจุดเริ่มต้นของล่องแก่งน้ำว้าอันเชียวกรากที่สร้างความท้าทายให้นักผจญภัย เกาะกลางน้ำเย้ายวนชวนให้ผมลงไปสัมผัส และผมยังไม่เคยนอนในที่แบบนี้มาก่อน แต่..โดยปกติแล้วน้ำจะขึ้นทุกที่เวลากลางคืน และถ้าฝนตกหนักอาจเกิดน้ำหลากได้ นั่นคือความเสี่ยงที่ทำให้ผมยืนคิดอยู่นานว่า จะปักเต็นท์ตรงนี้ดีมั้ย

น่าน-สะปัน_wp_28

แต่ให้ตายเถอะบรรยากาศมันโคตรได้เลอะ ผมต้องปักที่นี่แล้วล่ะ ไม่มียุ่ง มีน้ำให้ใช้ โปร่งโล่งเย็นสบาย ผมเดินไปถามคนแถวนั้นว่าผมจะแคมป์ตรงกลางน้ำเนี่ยแหละ คิดว่าคงไม่มีใครใช้เงินซื้อแม่น้ำมาเป็นของตน  เขาบอกตั้งแต่มาอยู่ยังไม่เคยเห็นใครไปกางเต็นท์ตรงนั้น จึงแนะนำให้ผมไปขออนุญาตกำนันเสียก่อน

น่าน-สะปัน_wp_30

ดวงตะวันลับขอบฟ้า ที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบมาก ผมชอบความสงบมันทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และเชื่อว่าคนที่มาที่นี่ก็คงรู้สึกไม่ต่างไปจากผม ไม่มีร้องเพลง ดีดกีต้าร์ เคาะขวดเบียร์ ส่งเสียดัง แต่ผมไม่รู้ว่าช่วงเทศกาล วันหยุดยาวความสงบจะถูกทำลายลงรึเปล่า

น่าน-สะปัน_wp_32

อากาศก็ไม่หนาวถึงขั้นต้องผิงไฟ แต่เป็นหนึ่งกิจกรรมที่เพิ่มอรรถรสในการแคมป์อย่างดี (ผมไปต้นเดือนพ.ย.2562 จริงๆ ควรจะหนาว แต่โลกมันเปลี่ยนไป) ผมนั่งเขี่ยกองฟืนตรงหน้า ฟังเสียงลำธารซ้ายขวา ไฟติดค่อนข้างยากเพราะฟืนมาจากแหล่งน้ำ ชื่นเปียกบ้าง แต่ก็พอมีฟืนแห้งๆ ให้ผมได้เล่นกิจกรรมรอบกองไฟ หมู่ค้างคาวผีรายงานตัวครับ!

น่าน-สะปัน_wp_32

กระเถิบเข้ามาใกล้ๆสิ ห่างขนาดนั้นไม่หนาวเหรอ ไม้ไผ่แยงแหย่ใต้กองฟืน เปลวไฟพวยพุ่งเพิ่มไออุ่น สายตาจับจ้องกองไฟไร้รูปทรงกัดกินท่อนไม้ทีละนิด จะมีอะไรอยู่กับเราไปตลอดกาลมั้ย เธอหมายถึงอะไร คนรัก ความสัมพันธ์ ความรู้สึกดีที่มีต่อกัน ผมไม่รู้และบางทีผมก็ไม่อยากรู้ด้วยเหมือนกัน ร้องไห้ทำไม หรือเธอเฝ้าหาคำตอบนี้จากใครบางคน เปล่า..ฉันแสบตา ย้ายไปนั่งตรงกัน

โลกนี้มีอะไรทำให้คนเรามีน้ำตาได้บ้างนะ อืม..ก็คงเป็นควันไฟและการสูญเสียแหละมั้ง แล้วความดีใจกับความภูมิใจในอะไรสักอย่างไม่รวมอยู่ด้วยหรอ

เธอว่าท้องฟ้ายามค่ำคืนจะสวยเหมือนกันทุกที่มั้ย ตัวยื่นออกนอกเต็นท์ หงายหน้านอนดูแสงระยิบบนฟ้าไกล อยากอธิษฐานอะไรมั้ย ยังอธิษฐานตอนนี้ไม่ได้หรอก ทำไมล่ะ ก็ผมยังไม่เห็นดาวตกเลยนิ

ยื่นแขนมาให้หนุนหน่อยได้มั้ย ถ้าเมื่อยแล้วบอกนะ ฉันชอบเวลามีคนเล่านิทานให้ฟังตอนเป็นเด็ก และฉันก็ผล็อยหลับก่อนนิทานจบทุกที มีเรื่องอะไรอยากจะเล่าให้ฟังมั้ย มีสิ แต่ต้องสัญญาว่าจะไม่หนีหลับไปกลางคันนะ แล้วปกติสัญญาของเธอมีผลบังคับใช้ได้นานแค่ไหน ก็คงภายในค่ำคืนนี้เท่านั้นแหละ เพราะพรุ่งนี้ก็เป็นวันใหม่ สัญญาก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป ทำไมสัญญาของเธอมีอายุน้อยจัง ก็ได้..งั้นฉันสัญญา..

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ขณะที่พระเจ้ากำลังสร้างมนุษย์ขึ้นมาในห้องทดลองของพระองค์.. เธอ..เธอ..ทำไมหลับเร็วจัง นี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่อยากให้คำสัญญาอะไรกับใคร เพราะบางทีมันก็ไม่ต่างจากกลุ่มควันที่ลอยขึ้นจากเปลวไฟ และกลืนหายไปกับชั้นบรรยากาศ แต่ถึงอย่างไร ดวงดาวยังเปล่งประกาย ดวงจันทร์ยังส่งยิ้มมา และนิทานยังคงถูกเล่าต่อไป..ฝันดีนะ

น่าน-สะปัน_wp_36

สวัสดีเช้าวันใหม่ที่โคตรสดชื่น สายหมอกเดินเล่นตามทิวเขา ผมตื่นแต่เช้ากักเก็บอากาศเต็มจุปอด ขอบคุณที่ฝนไม่ตก และเต็นท์ไม่โดนน้ำซัดหายไป วันนี้ผมรู้สึกอยากขอบคุณโลก คุณเคยตื่นเช้ามาแล้วรู้สึกขอบคุณโลกบ้างมั้ย หรือขอบคุณตัวเองที่ยังมีโอกาสได้ตื่นขึ้นมาทำอะไรต่อมิอะไรในวันนี้ ชีวิตเมืองหลวงนั้นห่างไกลธรรมชาติ มีแต่ความเร่งรีบ การแข่งขันสูง การเปรียบเทียบสูง จนเราหลงลืมที่จะอ้าปากกล่าวคำขอบคุณกับสิ่งสรรพสิ่งรอบตัว

น่าน-สะปัน_wp_33

งานวิจัยบอกว่า “ยิ่งเราขอบคุณสิ่งต่างๆมากเท่าไร เรายิ่งมีความสุขมากเท่านั้น” มันอาจเป็นการลดทอนอีโก้ของตัวเอง และไม่สำคัญตัวเองไปกว่าสิ่งใด นี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่คนเราควรออกมาจากวงจรเดิมๆ บ้าง ให้เวลากับตัวเอง อยู่ท่ามกลางหุบเขา สายหมอก ลำธาร สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรารู้สึกว่า เราตัวเล็กนิดเดียว เราเป็นแค่ส่วนประกอบธรรมชาติ ของโลกใบนี้ แม้ไม่มีเราโลกมันก็ยังดำรงต่อไปได้

น่าน-สะปัน_wp_40

บ่อยครั้งที่ผมโยนความสุขไปไว้ข้างหน้า แต่วันนี้ดูคล้ายว่ามันจะรายล้อมอยู่ตรงนี้ โดยที่ผมยังไม่ทันทำอะไรนอกจากยืนแปรงฟันฟองเต็มปาก มีคนเคยบอกว่า ที่เราบ่นว่าเราไม่มีความสุข หรือจำนวนความสุขของเรามันมีน้อยเหลือเกินอาจเป็นเพราะเราไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างแท้จริง ไม่ยอมปล่อยให้สิ่งตรงหน้าเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ร่วมของเรา คงไม่ต่างจากเพลงหนึ่งที่กำลังบรรเลงแต่เรากลับจดจ่อว่าเพลงต่อไปจะเป็นเพลงอะไร

น่าน-สะปัน_wp_39

เสบียงกันอดตาย ผมพกติดกระเป๋ามาหลายวันแล้ว ถ้าผมติดฝนอยู่ที่ไหน หรืออยากแคมป์ตรงไหนแบบปุบปับผมก็ยังมีอะไรลองท้องอยู่บ้าง มื้อเช้าอันแสนเรียบง่ายอีกมื้อหนึ่งของผม

น่าน-สะปัน_wp_42

ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั่งหายใจเข้า-หายใจออกลึกๆยาวๆ จัดเก็บความรู้สึกโยนเข้ากล่องความทรงจำ โลกาภิวัตน์ละเลยความงามในความธรรมดาอย่างสิ้นเชิง นั่นคือสายตาของเด็กที่มองส่ิงรอบตัว ผมต้องเรียนรู้การใช้สายตาในมุมของเด็กน้อยอีกครั้ง

ในลัทธิเต๋ามีคำว่า ‘อู๋เว่ย’ แปลว่า “การกระทำที่ไร้การกระทำ” หรือ “การนั่งนิ่งเฉยไม่ทำอะไร” ในจีนโบราณมองว่านี่เป็นหนึ่งในคุณธรรมหรือการบรรลุธรรมขั้นสูง มันต่างกับการนิ่งเฉยในสภาวะจิตปกติที่เกิดจากความกลัว ความเฉื่อย ความลังเล ทว่า “ทำโดยไม่ทำ” คือการไร้แรงต้านภายใน และเป็นการรู้เนื้อรู้ตัวอย่างมาก นี่ผมก็นั่งมาระยะนึงละ ไม่เห็นบรรลุธรรมซักกะทีเลอะ..

น่าน-สะปัน_wp_34

ศาสตราจารย์ จาเร็ด ไดมอนด์ เคยพูดว่า “พวกเราต่างตะเกียกตะกายอยู่ภายใต้กระแสหลากท่วมของข้อมูลไร้แก่นสาร ถูกแย่งชิงเวลามากมายไปกับงานอันไร้ความหมาย ตกหลุมลึกของความคิดว่า “ขอรวดเร็วไว้ก่อน” จนเพิกเฉยการใส่ใจคุณภาพและความสมบูรณ์ที่แท้จริง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ยุคปัจจุบันต้องการความเรียบง่าย”

น่าน-สะปัน_wp_41

“This too shall pass” เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ทำได้แค่มีประสบการณ์ร่วม กอดเก็บรอยยิ้ม และเพื่อแบ่งปัน มันก็เป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งนะผมว่า แม้จะไม่มีสิ่งใดอยู่กับเราไปตลอด อย่างน้อยภาพถ่าย ข้อความ หรือการบอกเล่า ก็ทำให้เรื่องราวนั้นมีอายุที่ยืดออกไป

น่าน-สะปัน_wp_45

หากคุณต้องเดินทางคนเดียว คุณจะคิดถึงใครหรืออยากให้ใครเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ของคุณ แน่นอนมันคงเป็นอีกความรู้สึกหนึ่งที่มีคนมาร่วมแชร์ความสุข และดื่มด่ำสิ่งตรงหน้าร่วมกัน แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางคนเลือกที่จะเดินทางเพียงลำพังเพื่อกลับมาบอกเล่าให้ใครสักคนได้ฟัง แล้วใครกันล่ะที่จะอยากรู้ว่าคุณไปทำอะไรมาบ้าง ไปเจออะไรมาบ้าง เหนื่อยไหม สนุกไหม ใครกันที่จะตั้งอกตั้งใจฟังเรื่องราวระหว่างทางของคุณ เพราะชีวิตคือการบอกเล่าและแบ่งปัน หาใครคนนั้นให้พบและเก็บรักษาเขาไว้ให้ดี

น่าน-สะปัน_wp_46

บ๊าย..บายก่อน บ๊าย..บาย เหนื่อยแล้วขออำลา วันหน้าค่อยเจอกัน ผมแอบหวังเล็กๆ ว่าถ้ามาครั้งหน้าอยากเห็นธรรมชาติของที่นี่ไม่เปลี่ยนไปมากนัก อย่าเพิ่งพังเสียก่อน ไว้มาสูดออกซิเจนใหม่อีกครั้ง ผมไม่ได้พกถุงกาวมาด้วย ไม่งั้นจะเก็บอากาศดีๆ ไปฝากคนที่บ้านแล้ว..ยินดีที่ได้พบกัน

น่าน-สะปัน_wp_48

ขากลับผมขี่ลงทางอ.ปัว และวกกลับเข้าตัวเมืองน่าน บรรยากาศปัวไม่ดี เผานากันจนแยกไม่ออกว่าหมอกจางๆ หรือควัน คล้ายกันจนบางทีไม่อาจรู้ ผมจึงแวะกินข้าวและคิดว่าจะหวดรวดเดียวกลับกรุงเทพ หรือถ้าไม่ไหวก็ค่ำไหนนอนนั่น

ก็แปลกดีนะทุกครั้งที่ออกทริป ขาไปเรามักไปเยี่ยงเต่า แต่ขากลับนี่กลับอย่างชีต้าร์ เราเป็นเต่าเพราะเราจดจ่ออยู่กับระหว่างทาง ยังสด ยังไม่เบื่อ ไม่เพลีย แต่ขากลับนี่ใจมันไปจดจ่ออยู่ที่บ้านเฉยเลย ฮ่า..ฮ่า

น่าน-สะปัน_wp_49

วันนี้อากาศร้อน แดดแรงมาก ผมยังไม่ดีไซน์ว่าคืนนี้จะนอนที่ไหน จนมาถึงตัวเมืองแพร่ประมาณสี่โมง ถ้าหวดถึงบ้านคงไม่ต่ำกว่าเที่ยงคืน ขี่รถกลางคืนคนเดียวมันง่วงเหมือนกัน เลยขอสโลไลฟ์ที่นี่อีกหนึ่งวัน แพร่เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ผมหลงรัก ผมชอบผังเมืองโซนเมืองเก่า ความเรียบง่าย ความเนิบช้า ร้านกาแฟ ผมมองหาที่พักราคาถูกจาก booking.com จนมาเจอ เชตวันโฮม์สเตย์เริ่มต้นที่ราคา 200 บาท แน่นอนผมขอใช้สิทธิ์ราคาเริ่มต้น ผมชอบบรรยากาศบ้านไม้ที่นี่ ผมเลือกนอนเตียงสองชั้นแบบนอนรวม และห้องน้ำรวม คุณป้าเจ้าของน่ารัก รู้สึกถึงความอบอุ่นแบบครอบครัว

น่าน-สะปัน_wp_50

คุณป้าเล่าว่า เมืองแพร่กำลังเริ่มส่งเสริมจังหวัดเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อเป็นรายได้ครัวเรือนและจังหวัด จึงเริ่มมีการเปิดโฮมสเตย์ ร้านกาแฟที่ทำจากบ้านตัวเองแทนการปลูกสร้างใหม่ และที่นี่ก็เป็นบ้านต้นแบบของการทำโฮมสเตย์ ผมบอกถ้าการท่องเที่ยวที่นี่บูม มันก็จะไม่เป็นแพร่ ไม่สงบแล้วสิ ผมกลัวจะเป็นพัทยา เป็นปาย ที่เริ่มอึกทึกคึกโครม ป้าบอกที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรทำหรอก สองทุ่มก็เงียบๆ ร้านเหล้าเปิดใหม่ก็อยู่ได้ไม่นาน นักท่องเที่ยวที่มาเพื่อมาพักผ่อนจริงๆ มาหาความสงบ ลูกค้าป้าหลายคนมาเพื่อมาอยู่เฉยๆ ฮ่า..ฮ่า บ้างก็มาอ่านหนังสือ เขียนเพลง วาดรูป ส่วนคนที่ชอบตื๊ดๆ อาจจะเลยไปเชียงใหม่กันหมด

ผมว่าชีวิตบั้นปลายแบบคุณป้านี้ดีนะ ได้เจอผู้คน พูดคุยแลกเปลี่ยน ไม่เหงา ได้มีมุมมองอะไรใหม่ๆ จากนักเดินทางที่มาพัก หนูเชื่อมั้ยว่าคุณป้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่สามารถต้อนรับฝรั่งที่มาพักได้ และก็ทำมาหลายปีละ แจ๋วเลย..ทำไงอะป้า ป้ามีวุ้นแปลภาษาด้วยหรอ ฮ่า..ฮ่า..ป้ามีเคล็ดลับ และป้าก็กระซิบบอกผม..

รุ่งขึ้นผมก็เดินทางกลับกรุงเทพ สมัครโซเชียลมีเดีย และใช้ชีวิตตามปกติ..

น่าน-สะปัน_wp_08

และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องสั้นของผม

 

Leave a comment