สังคมขี้อวด

“ยุคนี้มีแต่คนขี้อวด” เป็นคำพูดที่ได้ยินหนาหู โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่ชอบตามกระแส หรือพวกมีจุดยืนของตัวเองที่หนักแน่น อาจเรียกว่า พวกอินดี้ เด็กแนว หรือฮิปสเตอร์

พวกเขาจะเบ้ปาก เมินหน้าและพูดว่า “แม่ง-แมส-ว่ะ” ไม่ใช่หน้ากากปิดจมูกกันฝุ่น PM2.5 นะ แต่มาจากคำว่า ‘mass’ คือ ทำกันมาก ทั่วไป ธรรมดา ตลาด ซึ่งอาจตีความว่า ไม่มีความเป็นเอกลักษณ์หรือจุดเด่นอะไร ใครๆ เขาก็ทำกัน ใครๆ เขาก็เป็นกัน ดาดๆ

เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม จึงไม่แปลกที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เป็นที่ยอมรับหรือมีจุดยืนในสังคม  ถ้าฉันแสดง คิด หรือพูดอะไรขึ้นมาสักอย่าง ฉันก็อยากแสดงมันออกมาให้คนอื่นได้รับรู้..บ้าง

โดยส่วนใหญ่เมื่อเราทำอะไรขึ้นมาสักอย่าง แล้วสิ่งนั้นมีผลต่อความรู้สึกที่ดี เราก็มักจะอวด หรือโชว์ให้ผู้อื่นได้รับรู้ เรียกให้สวยก็คือ ‘แชร์’ ประสบการณ์ตัวเอง และเมื่อลองสังเกตดูแล้ว เรามักเลือกอวด หรือแชร์สิ่งดีๆ มากกว่าสิ่งเลวร้าย เพราะมันช่วยยกระดับความมั่นใจ ความมีตัวตน หรือคำชื่นชมให้กับเรา

แต่เชื่อไหมว่า คำชื่นชมที่จริงใจเป็นพลังขับเคลื่อนที่ดีต่อตัวบุคคลและสังคม ผู้ใหญ่ที่มีปัญหามักได้รับคำวิพากษ์ ด่าทอ ติเตียนจากพ่อแม่สมัยที่ยังเป็นเด็ก มันคล้ายเป็นปมที่ฝังไปยังจิตใต้สำนึก เป็นพลังลบที่รอวันแสดงตัวออกมา และมีโอกาสสูงที่พวกเขาจะประพฤติแบบเดียวกันนี้กับคนรอบข้าง

ยุคแห่งการขี้อวดไม่ได้เพิ่งถือกำเนิด แต่มันมีมาพร้อมกับมันสมองของมนุษย์ โลกโซเชียลเป็นแค่เครื่องมือให้คนทั้งโลกเชื่อมถึงกันได้ง่าย จึงเป็นหนทางในการอวดชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารดี ร้านอาหารดี แต่งเพลงดี บทความดี ภาพยนตร์ดี หนังสือดี รูปภาพดี สถานที่ท่องเที่ยวดี ฯลฯ

สุดท้ายแล้ว เราอยากอวด อยากแชร์ อยากบอก อยากทำไรก็ทำไปเถอะ ถ้าสิ่งนั้นไม่เป็นการ ‘ติดดี’ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ ‘การยกตนข่มท่าน’

Leave a comment